วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2550

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มาแว้ว



สร้างสรรค์ของศิลปินร่วมสมัย ไม่เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ที่นี่ก็ยังเป็นจุดหมายของผู้ชื่นชมศิลปะทั่วโลก
คลังแห่งงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีผังอาคารคล้ายตัวอักษรเอขนาดใหญ่อยู่ใจกลางกรุงปารีส คือพิพิธภัณฑสถานลูฟร์ สถานที่ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นแหล่งดูแลรักษางานศิลป์ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชื่นชม และมีผลงานโดดเด่นมากมาย ที่เห็นได้ชัดคือการรวบรวมผลงานชั้นครู ทั้งประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปวัตถุอื่นๆที่มนุษย์ตั้งแต่งยุคประวัติศาสตร์ได้สร้างสรรค์ขึ้น รวมทั้งซ่อมแซมแก้ไขให้อยู่ในสภาพดี นอกจากนี้ ลูฟร์ยังเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งแรกที่ให้ทุนสนับสนุนเพื่อการขุดค้นทางโบราณคดี ตีพิมพ์ผลงานวิจัยต่างๆ ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า มีนักวิชาการมากมายผ่านการอบรมจากสถาบันเอกอลดูลูฟร์อันโด่งดัง พิพิธภัณฑสถานซึ่งใช้เงินภาษีอากรของประเทศในการบริหารและถือได้ว่าเป็นสมบัติของประชาชนแห่งนี้เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าชม และถือว่ามีความสำคัญที่สุดในบรรดาพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดของฝรั่งเศสซึ่งมีมากกว่า 600 แห่ง และจำนวนผู้เข้าชมลูฟร์ในแต่ละปีก็สูงเกินกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นใดในฝรั่งเศสจะเทียบเคียงได้ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือการที่ลูฟร์ขยายพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นสองเท่าได้โดยไม่ต้องสร้างอาคารใหม่ เพราะถึงแม้ผลงานศิลปะที่จัดแสดงจะมีปริมาณมหาศาล แต่พระราชวังแห่งนี้ยังมีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าหลายเท่านัก ลูฟร์เป็นหนึ่งในพระราชวังทีใหญ่ที่สุดในโลก โดยปีกด้านหนึ่งเป็นแนวยาว 1.6 กิโลเมตรขนานกับแม่น้ำแซน ซึ่งจะยาวกว่าความยาวของหอไอเฟลพร้อมเสาอากาสทั้งหมดวางเรียงต่อกันสองหอ อาณาบริเวณทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์รวมทั้งสวนต่างๆ คิดเป็นพื้นที่กว่า 160,000 ตารางเมตร และหากเดินให้ทั่วทุกห้องจะคิดเป็นระยะทาง 12.87 กิโลเมตร ด้านหน้าอาคารของลูฟร์ที่ดูเหมือนจะทอดยาวไม่สิ้นสุดนั้นตกแต่งด้วยเสาโรมันฉลุร่อง รูปปั้นของวีรบุรุษและสตรีที่เป็นตัวแทนแห่งความสามารถและความดีงาม รวมไปถึงปลองไฟลายวิจิตร และน้ำพุตระการตา ซึ่งเป็นที่พักพิงของพิราบฝูงใหญ่ที่โบกปีกกระพือไปกับปีกของดรุณเทพและผลไม้สลักประดับกรอบอาคาร ทางเข้าของนักท่องเที่ยวนั้นอยู่ในบริเวณปาวิยงเดอนง โดยหันหน้าเข้าหาอนุสาวรีย์มาร์ควิส เดอ ลาฟาแยต (ปัจจุบันอนุสาวรีย์นี้ถูกย้ายออกไปแล้ว โดยมาการสร้างพีระมิดกระจกขึ้นแทนที่) นายทหารและรัฐบุรุษของฝรั่งเศส ซึ่งนักเรียนอเมริกันมอบให้ฝรั่งเศสเป็นของขวัญ บนลานหน้าทางเข้าหลักมีพ่อค้าเร่ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว โดยมีโปสการ์ดและไอศกรีมเป็นสินค้าขายดีอันดับต้นๆ นอกจากนี้ยังมีศิลปินที่ใช้สีชอล์กสดใสจำลองภาพเขียนดังๆไว้บนทางเท้า และนักดนตรีเปิดหมวกที่เล่นกีตาร์ร้องเพลงแลกเงิน

ไม่มีความคิดเห็น: